fbpx

ภาษีมีกี่ประเภท มีวิธีคิดยังไง แต่ละข้อสำคัญยังไงบ้าง?

ภาษีมีทั้งหมดกี่ประเภท แล้วมีวิธีคิดยังไง

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับภาษี แท้จริงแล้ว ภาษีมีกี่ประเภท เพราะภาษีเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องมีการทำตามกฎหมายและทำอย่างถูกต้อง เพราะไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเจอปัญหาถูกเบี้ยปรับเงินเพิ่มตามมาภายหลัง โดยวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องภาษีกันค่ะ

ภาษี คืออะไร

ภาษีคือเงินที่รัฐจัดเก็บจากประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อเป็นรายได้นำมาพัฒนาประเศรษฐกิจและสังคม โดยภาษีที่เก็บนั้น รัฐจะนำไปใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศและกิจการอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยภาษีจะมีอยู่ด้วยกัน 5 ประเภทดังนี้

ภาษมีกี่ประเภท

ภาษีมีกี่ประเภท

1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ภาษีที่เรียกเก็บจากนิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด  ห้างหุ้นส่วนจำกัด  เป็นต้น ซึ่งมีแบบแสดงภาษีเงินได้นิติบุคคล 2 แบบ คือแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.50 สำหรับรอบบัญชีที่ต้องยื่นภายใน 150 วันหลังจากวันที่ปิดระบบบัญชี และแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.51 ที่ต้องยื่นภายในสองเดือนหลังรอบบัญชีภาษีครึ่งปี โดยการมีสูตรคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังต่อไปนี้

ภาษีเงินได้นิติบุคคล = กำไรทางภาษี x อัตราภาษี

กำไรทางภาษี สามารถคำนวณได้จากสูตรดังนี้

กำไรทางภาษี = กำไรทางบัญชี + ผลแตกต่างระหว่างกำไรทางบัญชีและกำไรทางภาษี

ผลแตกต่างระหว่างกำไรทางบัญชีและกำไรทางภาษี สามารถคำนวณได้จากสูตรดังนี้

ผลแตกต่างระหว่างกำไรทางบัญชีและกำไรทางภาษี = รายจ่ายต้องห้าม + รายได้เพิ่มทางภาษี

สูตรภาษีเงินได้นิติบุคคล สรุปสูตรได้ดังนี้

ภาษีเงินได้นิติบุคคล = (กำไรสุทธิทางบัญชี + ผลแตกต่างระหว่างกำไรทางบัญชีและกำไรทางภาษี) x อัตราภาษี

โดยที่กำไรสุทธิทางบัญชี คำนวณได้จาก รายได้ – ค่าใช้จ่าย

ในส่วนของอัตราภาษีเงินได้ จะแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ

อัตราสำหรับภาษีเงินได้ สำหรับธุรกิจ SME

อัตราสำหรับภาษีสำหรับธุรกิจ SME
กำไรสุทธิอัตราภาษีภาษีสะสม
≤ ฿300,000ยกเว้น฿0
> ฿300,000 – ฿3,000,00015%> ฿0 – ฿405,000
> ฿3,000,00020%> ฿405,000

อัตราทั่วไปหรือไม่ใช่ SME

กำไรสุทธิอัตราภาษี
> ฿020%

2. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

ภาษีที่ถูกหักไว้ “ล่วงหน้า” หมายความว่า เราสามารถขอคืนภาษีประเภทนี้ได้ โดยกฎหมายกำหนดให้คนที่จ่ายเงินให้กับกิจการของเรา หรือคู่ค้าของเราที่ซื้อของจากเรามีหน้าที่หักภาษีไว้เมื่อมีการจ่าย ซึ่งเป็นไปตามประเภทของเงินได้ และตามอัตราภาษีที่กำหนดดังนี้

อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ใช้บ่อย (จ่ายในไทย)
ค่าใช้จ่าย% ที่ต้องหัก
เงินเดือนตามอัตราก้าวหน้า
ค่าจ้าง (ฟรีแลนซ์)ตามอัตราก้าวหน้า / (หรือใช้อัตรา 3%ในทางปฏิบัติ)
ค่าบริการ/จ้างทำของหัก ณ ที่จ่าย 3%
เงินปันผลหัก ณ ที่จ่าย 10%
ค่าเช่าหัก ณ ที่จ่าย 5%
ค่าขนส่งหัก ณ ที่จ่าย 1%

และจะต้องนำส่งสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไปโดยใช้แบบ ภ.ง.ด.3 (หัก ณ ที่จ่ายบุคคลธรรมดา) หรือ ภ.ง.ด.53 (หัก ณ ที่จ่ายนิติบุคคล)

3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat)

สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ เป็นภาษีที่ใกล้ตัวประชาชน เพราะทุกครั้งที่เราซื้อสินค้า เราต้องจ่ายภาษีประเภทนี้โดยอัตโนมัติ ส่วนคนทำธุรกิจ ภาษีนี้เป็นภาษีที่เก็บจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นจากคนทำธุรกิจ หรือให้บริการประเภทต่าง ๆ โดยผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ฯลฯ ที่มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 1.8 ล้านบาท ขึ้นไป ไม่ว่ากิจการนั้นจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ตาม โดยการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่สรรพากร จะใช้แบบ ภ.พ. 30 คำนวณตามสูตรดังต่อไปนี้

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำส่งสรรพากร = ภาษีขาย – ภาษีซื้อภาษีขาย =  มูลค่าการขาย x 7% ภาษีซื้อ = มูลค่าการซื้อ x 7%

4. ภาษีธุรกิจเฉพาะ

ภาษีประเภทนี้จะถูกจัดเก็บในธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงตามชื่อ ได้แก่ กิจการธนาคารพาณิชย์ โรงรับจำนำ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ใครที่ไม่ได้ทำกิจการที่เข้าข่ายกิจการดังกล่าวไม่ต้องเสียภาษีประเภทนี้

5. อากรแสตมป์

จัดเป็นภาษีประเภทหนึ่งตามประมวลรัษฎากร จะเรียกเก็บเมื่อมีการทำตราสารระหว่างกัน 28 ลักษณะ ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีอากรแสตมป์ โดยจะใช้การขีดฆ่าแสดงถึงการใช้แสตมป์ดังกล่าว

อ่านถึงตรงนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่า ภาษีมีกี่ประเภท ภาษีเป็นสิ่งที่ผู้ที่มีหน้าที่จ่ายภาษีควรจ่ายให้ตรงเวลา จะได้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในภายหลัง ในการที่คุณจดทะเบียนนิติบุคคลแล้ว คุณควรจะต้องรู้และเข้าใจว่าจะต้องเสียภาษีประเภทไหนบ้าง เพื่อจะได้ออกเอกสารได้อย่างถูกต้อง เพื่อจะได้ทำบัญชีได้อย่างถูกต้องต่อไป

ติดตามบทความอื่นๆ ของ KMCP Accounting ได้ที่:

บทความ: https://www.kmcpaccounting.com/บทความ/

Facebook: facebook.com/kmcp.acc

สนใจอยากทำบัญชีทักมาได้เลย: m.me/kmcp.acc

LINE: https://line.me/R/ti/p/@kmcp.acc

Tel: 082-254-6831, 063-150-5855